Sunday, January 17, 2010

ชำเลืองใต้เงาโดม ตอนที่ ๒ - บทละครแห่งเธอ (ต่อจากตอนแรก)


La confession du voleur 2: คำรับสารภาพของจำเลยฉบับที่ 2: เส้น แสง สี และสิ่งอื่น

หลังจากที่ศาลได้ตัดสินยกฟ้องจำเลยในคดีลักทรัพย์ภาพดอกทานตะวันซึ่งถึงแม้จะมีมูลฟ้องตามที่ศาลได้ไต่สวนแล้วนั้น แต่ต้องตัดสินยกฟ้องจำเลยอันเนื่องมาจากคดีนี้อัยการโจทก์(คดีอาญาลักทรัพย์ผู้อื่น)นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยเลยได้ลักทรัพย์ภายในสิบปี ศาลจึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย(เด็กชายที่เก็บภาพดอกทานตะวันไปเมื่อสิบปีก่อน)ไปโดยตัดสินว่าคดีนี้ขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๕

โจทก์(เด็กหญิงเมื่อ ๑๐ ปีก่อนที่เด็กชายหลงรัก)ไม่พอใจจึงนำคดีนี้มาฟ้องเป็นอีกคดีตั้งมูลฟ้องที่ต่างออกไปคือ จำเลยได้ทำละเมิดลิขสิทธิ์ในงานของโจทก์โดยนำออกเผยแพร่ในอินเตอเน็ต ถือเป็นการเผยแพร่งานจิตรกรรมของโจทก์สู่สาธารณชน โดยไม่ได้รับอนุญาติตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๒๗

คดีนี้จำเลยต่อสู้โดยอ้างนิยามตามกฎหมายในมาตรา ๔ ว่างานของโจทก์ไม่ใช่งานจิตรกรรม(ศิลปกรรม)ตามนิยามของกฎหมาย. โดยนำสืบด้วยการนำพยานผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปฯ และ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจาก The Association of Southeast Asian Nations งานดังกล่าวไม่มีการสร้างสรรค์สิ่งใดใหม่ การลงสี การลงเส้น แสง เงา และ ไอเดียภาพดอกทานตะวัน (ซึ่งมีอยู่ทั่วไปตาม รร อนุบาล)

โจทก์นำสืบว่างานดังกล่าวเป็นงานจิตรกรรมตามความหมาย กล่าวคือ “งานสร้างสรรค์รูปทรงที่ประกอบด้วย เส้น แสง สี และสิ่งอื่น อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ลงบนวัสดุอย่างเดียวหรือหลายอย่าง” โจทก์(เด็กหญิงเมื่อ ๑๐ ปีก่อนที่เด็กชายหลงรัก)ไม่ติดใจเรื่องเส้น แสง สี แต่ขอให้ศาลตีความคำว่า “สิ่งอื่น อย่างใดอย่างหนึ่ง” เพราะเธอมองว่าถ้าขาดซึ่ง “สิ่งอื่น” ดังกล่าวแล้วจำเลยคงไม่หลงไหลได้ปลื้มถึงขนาดขโมยเก็บไว้เกินกว่า ๑๐ ปีแน่นอน

สุดท้ายจำเลย(เด็กชายที่เก็บภาพดอกทานตะวันไปเมื่อสิบปีก่อน)รับในคดีโดยไม่นำสืบต่อเพราะคำว่า “สิ่งอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง” ในนิยามของกฎหมายมีความหมายต่อนิยามของชีวิตจำเลยด้วย เขากล่าวว่า “ถ้า แวง โก๊ะ ต้องบำบัดตัวเองที่ รพ เพราะการวาดภาพฉันใด จำเลยก็ต้องบำบัดด้วยภาพดอกทานตะวันเช่นกัน....................................................” จำเลย(เด็กชายที่เก็บภาพดอกทานตะวันไปเมื่อสิบปีก่อน)รับสารภาพต่อหน้าศาลตามข้อเท็จจริงว่า “หลังจากผ่านไปสิบปี จำเลยได้กลับมาพบโจทก์(เด็กหญิงเมื่อ ๑๐ ปีก่อนที่เด็กชายหลงรัก)อีกครั้ง เมื่อทั้งคู่ได้รู้จักคุ้นเคยกัน คนสองคนพึ่งได้มารู้จักกันโดยไม่เคยพบหน้ามาก่อน แต่พบกันโดยบังเอิญในที่ๆบังเอิญเมื่อเวลาได้ล่วงผ่านไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเป็นนายธนาคารรับฝากเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากเธอ(เด็กหญิงเมื่อ ๑๐ ปีก่อนที่เด็กชายหลงรัก).......รอวันเธอมาฝากให้เต็ม.............................................เพราะเขาก็สุขใจและรอปันผลเป็นรอยยิ้มเช่นกัน ช่วงที่ผ่านมาโจทก์ (เด็กหญิงเมื่อ ๑๐ ปีก่อนที่เด็กชายหลงรัก)เธอพึ่งเลิกรากับแฟนเก่า เธอเสียใจจากเรื่องบางเรื่อง ทั้งเกลียด ทั้งเข็ด เพราะนิยามรักของเธอตอนนี้คือ แปลงดอกไม้ที่ต้องรดด้วยน้ำตา.....................
เพราะเธอกำลังเกลียดผู้ชายทั้งโลกเข้าเต็มประตู จำเลย(ซึ่งเป็นผู้ชายคนหนึ่ง)ก็เลยถูกจัดเข้ากลุ่มด้วย แต่ก็ไม่วายที่เขาต้องยอมตกเป็นจำเลย เพราะอะไรกันแน่.................................หรือเพราะคำว่า.................................................................................................... “สิ่งอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง”

2 comments:

minute said...

คำว่า"สิ่งอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง"ในเรื่องนี้ คงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเลยนะคะ
แต่ตอนนี้อ่านแล้วก็ยังเดาไม่ถูกเลยค่ะว่าตอนจบของเรื่องจะเป็นไง พระเอกจะสมหวังเหมือนในหนัง หรือพระเอกไม่จำเป็นต้องสมหวังเพราะเธอคนนั้นอาจจะยังไม่ใช่ตัวจริงเหมือนอย่างในชีวิตจริงที่ใครหลายๆ คนเป็นกัน ก็คงจะต้องรออ่านตอนต่อไปใช่มั้ยคะ
นอกจากอาจารย์จะเขียนเกี่ยวกับงานทางกฎหมายได้ดีแล้ว ยังเขียนเรื่องประมาณนิยาย (ที่เกิดจากชีวิตจริง)ได้ดีอีกต่างหาก ขนาดอ่านไม่กี่ตอนยังรู้สึกว่าเขียนได้เจ๋งมากๆ (พอดีเป็นคนชอบอ่านนิยายหรือเรื่องสั้นอยู่แล้วค่ะ วันหลังอาจารย์เอามาลงอีกนะคะ สนุกดี อิอิ)

No place for young boy said...

Finalement, tu as dévoilé la vérté de l'image. ça me touche franchement ton histoire.
J'ai qq'un (une plus tôt) qui j'ai tous les jour envie de la voir mais ca fait 2 ans (de merde) que j'ai pas pu la voir........ je me suis demandé qu'est-ce que je m'en foutais ici dans ce pays.......

je te souhaite fortement que tu pourras elle convaincre