Wednesday, November 22, 2006

นิโคลา แมคคิลเวลลี่ :เมื่อข้าถูกประฌามว่าเป็นซาตาน

นิโคลา แมคคิลวิล
เมื่อข้าถูกประณามว่าเป็นซาตาน


เนื่องจากผู้เขียนได้ติดตามแนวความคิดทางปรัชญาแนวประจักษ์นิยมมาโดยตลอด และได้อ่านงานเขียนหลายชิ้นของ นิโคลา แมคคิลวาลี่ อาทิเช่น The Prince, Discours sur la premier Decade de Tite-Live ซึ่งน่าจะเป็น Discourse on the Levy, L’Art de la Guerre, ประวัติศาสตร์เมืองฟรอเร้น ฯลฯ ซึ่งภายหลังทำให้ผมเริ่มสนใจในแนวคิดของบุรุษผู้นี้ อนึ่ง บุรุษผู้นี้เองที่ถูกสังคมประฌามว่าเป็นซาตานที่แสนเจ้าเล่ย์ หรือ เรียกกันว่าลัทธิแมคคิลเวลลี่อันเลวร้ายไม่เว้นแม้แต่สังคมไทยที่มักจะอ้างกันในการเหน็บแนมใครบางคนที่มีพฤติกรรมอันแสนเลวร้ายโดยที่ไม่เคยมีใครค้นไปถึงรากเหง้าเลยว่าเขาเป็นใคร เขาทำอะไรไว้บ้างเพื่อสังคมของเรา
ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้ศึกษาปรัชญาของแมคคิลเวลลี่ซึ่งเคยมีผู้นำมาเขียนเปรียบเที่ยบกับ หานเฟยจื่อ นักปรัญญาจีนสำนักนิติธรรมนิยมในสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ และแนวคิดของผู้นี้เองที่ทำให้จิ๋นซีสามารถรวบรวมประเทศจีนให้เป็นหนึ่งเดียวจนถึงทุกวันนี้ได้ แนวความคิดของนักปรัญญาทั้งสองนี้มีหลายส่วนที่คล้ายกันมากในมุมมองของนักปกครอง ผู้เขียนคิดว่า จิ๋นซีฮ่องเต้คงเป็นรูปแบบที่เห็นกันได้ชัดเจน ส่วนในมุมมองของแมคคิลวิลก็เป็นอื่นไม่ได้นอกจาก ซีซ่า บอกเชีย นักปกครองในสมัยรอยต่อระหว่างยุคมืดและยุคเรเนซ้อง ส่วนของไทยนั้นลองพิเคราะกันเองตามหลักแบ่งแยกของ เดอะปริ้น
เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาประวัติศาสตร์ในช่วงที่เวนิสกำลังรุ่งเรื่องจากตำราประวัติศาสตร์หลายเล่ม ก็พบว่าแมคคิลวิลเองเป็นผู้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ยุคมืดล่มสลายไปถึงแม้จะเป็นช่วงปลายแล้วก็ตาม คนส่วนใหญ่คงไม่รู้ว่าความจริงแล้ว ลีโอนาโด้ ดาวิลชี่และแมคคิลเวลลี่เป็นเพื่อนที่สนิทกันในช่วงเวลาที่ลีโอนาโด้ ดาวิลชี่เป็นวิศวะกรกองทัพให้แก่ ซีซ่า บอกเชีย และทั้งคู่ต่างก็เป็นพวกที่เรียกว่า “มนุษย์นิยม” หรือพวกที่เชื่อถือว่าความสามารถของมนุษย์อยู่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด หรือ เชื่อในสติปัญญาของมนุษย์เองมากกว่าอย่างอื่น เช่น สิ่งศักดิ์สิทธิ พวกที่เรียกว่า “มนุษย์นิยม”นี่เองที่เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญาอันแท้จริงจนนำไปสู่การปฏิวัติยุคมืดที่เน้นเรื่องของศรัทธาเป็นแก่น
ก่อนอื่นต้องท้าวความว่าการรื้อฟื้นยุคแห่งสติปัญญา หรือ เรเนซ้อง นั้น ในความเห็นของผู้เขียนหน้าจะเริ่มมาจากการเฟื่องฟูทางการค้าของเวนิสและฟรอเร้น โดยเฉพาะฟรอเร้นเองเป็นศูนย์กลางทางการค้านำโดยตระกูล Medici โดยการนำของ Lorenzo แห่ง Medici ต้นกำเนิดของคำว่า Godfather ที่เราใช้กันทุกวันนี้ เนื่องจากตระกูล Medici(ภายหลังเราคงรู้จักกันดีว่าลูกหลานตระกูลนี้คือ แคทเธอรีน เดอ แมดิซี่ ซูสีไทเฮาแห่งราชสำนักฝรั่งเศสนั่นเองครับ) เป็นตระกูลนายธนาคารที่เป็นเบื้องหลังการกู้เงินไปทำสงครามและเรียกศรัทธาของวาติกันและพระผู้ใหญ่หลายๆรูปที่สำคัญต่อการเมืองในทุกยุค ลูกหลานแห่งตระกูลนี้ได้รับการปลูกฝังความคิดแบบมนุษย์นิยมโดยชอบศีกษาความรู้ของกรีกโบราณ ทุกครั้งที่เดินทางไปค้าขายทางตะวันออกไปตะวันตกก็จะได้รับความรู้ต่างๆด้วย แม้นในยุคหลังที่แมคคิลเวลี่มาร่วมงานด้วยก็ได้รับอิทธิพลทางความคิดด้วย ในการกล่าวอ้างกันว่าแมคคิลวิลเป็นซาตานก็เนื่องมาจากว่าความคิดของเขาเป็นแนวประจักษ์นิยมที่ขัดต่อหลักศีลธรรมทางศาสนาอย่างสิ้นเชิง ทำไมแมคคิลวิลจึงนำเสนอเช่นนั้นหรือ? เนื่องจากการเมืองยุคนั้นอันเนื่องมาจากอำนาจแห่งศรัทธาของศาสนาจักรนำพาซึ่งความมืดบอดแห่งปัญญานั้นเอง บางครั้งการพูดตรงเกินไปถึงสันดานมนุษย์ก็เป็นดาบสองคมที่ทิ่มแทงตัวเขาเอง ถ้าตีความให้ดีแมคคิลวิลเองไม่ได้ต้องการนำเสนอว่า มนุษย์นั้นเลวร้าย แต่พยายามอธิบายว่า ความชั่วเกิดจากความจำเป็นนั่นเอง ในผลงานชิ้นเอกของเขา หรือที่เรารู้จักก็คือ เดอะปริ้น เจ้าชายผู้ต้องรักษาไว้ซึ่งอำนาจแม้จะต้องแลกด้วยเลือดและความโหดร้าย เนื่องจากผลงานอันนี้กระแทกสันดานดิบของมนุษย์เข้าอย่างจัง ทำให้ชีวิตของเขาต้องอับปางไปและถูกคนประฌามทั้งชีวิตว่าเป็นซาตาน แต่สิ่งที่ผู้เขียนฉงนคือ แมคคิลวิลคือซาตานหรือ คนที่ซื่อและพูดตรงเกินไป!!!!