Sunday, March 6, 2011

นาฬิกาไม่เคยบอก....

หญิงสาวคนหนึ่งทอดสายตามองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของเธออย่างช้าๆ.........เธอกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง เธอกำลังรอคอยคนรัก.....หรือรอสายโทรศัพท์จากคนที่คิดถึง......เธอรอให้ยิ้มออก.....หรือรอให้ความเศร้าหายไป
เธอเหลียวดูเวลาแล้วก็สงสัยว่า...ความรักของเธอก็เหมือนเข็มนาฬิกา
เข็มสั้น แน่นิ่งมั่นคงเหมือน...เหตุผลในตัวที่คอยควบคุมใจ
เข็มยาว เดินเร็วหน่อยเหมือน....ความรักที่แปรปรวนเป็นบางเวลา
เข็มวินาที เปลี่ยนแปลงตลอดเหมือน...อารมณ์ที่ขึ้นๆลงไม่แน่นอน

ไม่สิ......มันอาจสลับที่กันก็ได้มั้ง....แต่ที่แน่ๆ มันไม่นิ่ง แกว่งไปแกว่งมา และสวนทางกันอยู่เสมอ?

เธอจ้องดูนาฬิกาแล้วคิดไปว่า.....เราจะปรับอารมณ์และความแน่นอนในตัวให้ตรงเหมือนนาฬิกาได้มั้ย อยากให้เค้ามาหาสมำ่เสมอ อยากให้เค้าดูแล ตลก ใส่ใจ อื่นๆอีกมากมาย


นาฬิกาก็แหงนหน้าดูเธอเช่นกัน เขาอยากบอกอะไรเธอมากมายแต่เขาพูดไม่ได้.......เขาแค่คิดบ้างบ่นในใจบ้าง...ฉันมีกลไกสลับซับซ้อน แต่ฉันให้ความแน่นอนกับเธอได้ ให้ความชัดเจนกับเธอได้และที่แน่ๆ ฉันอยู่ข้างๆเธอเสมอนั่นแหละ ยังไงก็ตามฉันก็มีอายุการใช้งานอยู่ดี แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่อาจหมุนเวลา
ให้ตัวเองกลับไปเพื่ออยู่กับเธอได้ตลอด

................................ฉันต้องการเพียงใส่ใจเวลาเธอพูดคุย.................

................เสนอตัวทำอะไรก็ได้แทนตอนที่เธอเหนื่อย

ให้ความสนใจเธอมากกว่าคนอื่น........

อยู่ข้างๆเธอเวลาเธอไม่พอใจ.......................และถามคำถามดีดีสักคำว่าเธอกำลังจะทำอะไรต่อไป

แค่อยากดูแล......มันผิดรึไง....

Wednesday, January 5, 2011

กล้องเก่าๆกับเด็กสาวร้านหนังสือ




ลิขสิทธิ์โดย ภูมินทร์ บุตรอินทร์


ช่างภาพอิสระคนหนึ่งตระเวนเก็บภาพบรรยกาศรอบๆตัวเมืองลำปางนครที่ซ่อนเร้นซึ่งเสน่หา เย็นวันนั้นเขาได้เก็บภาพสวยงามมากมายที่ดูมีชีวิตชีวา รวมถึงภาพต่างๆที่ตลาดเก่า....กาดกองต้า ภาพเด็กเล่นชิงช้าสวรรค์ ภาพคนจุดพลุ ภาพร้านของกินมากมาย ภาพคู่รัก คนอกหักไม่สมหวัง ฯลฯ...
ในวันนั้นเอง เขาได้ถ่ายภาพร้านหนังสือเก่าบริเวณตลาด ภาพนี้มีเด็กสาวตัวเล็กๆกำลังนั่งเขียนโปสการ์ดส่งหาเพื่อนที่ต่างเมือง ภาพดังกล่าวแสดงอารมณ์บางอย่างที่ชัดเจนของเด็กสาวผ่านแววตาสะท้อนเลนส์ของกล้อง ดูราวกับภาพเศร้าๆผ่านอารมณ์ของศิลปิน post-impressionism อย่าง Matisse หรือ ศิลปินร่วมสมัยคนอื่นๆ
..........................หลังจากนั้นไม่นานนัก ช่างภาพคนนี้ได้ไปเจอกับเด็กสาวอีกครั้งโดยบังเอิญ ณ ร้านนั่งเล่นกลางตัวเมืองเก่า...............เด็กสาวนั่งอ่านจดหมายอะไรบางอย่าง รอบๆตัวมีกลิ่นหอมของเธอระคนปนกลิ่นของใบชาที่ผ่านการต้มนำ้ร้อน...................

................เขาเขินอายเล็กน้อยแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ที่จะเดินไปหาเด็กสาวพร้อมยื่นภาพถ่ายวันนั้นให้กับหล่อนและกล่าวคำขอบคุณ...เขากล่าวต่อไปว่า “ถ้าในวันนั้นไม่ได้เธอประกอบภาพ ภาพนี้คงไม่ได้อารมณ์ขนาดนี้”

เด็กสาวประหลาดใจยิ่งนัก........เธอจ้องมองภาพดังกล่าวสักครู่ใหญ่และตอบอย่างผิดหวังไปว่า “ทำไมภาพจึงดูหม่นหมอง สีสันก็ดูเก่า บรรยากาศก็ดูเศร้า...ว้าเหว่..หนาวเหน็บ ท้อแท้”

เด็กสาวพูดต่อ...”ฉันคิดว่ากล้องของคุณน่าจะมีปัญหา...ไม่ปัญหาเกี่ยวกับเลนส์ก็เทคนิคการถ่ายที่ทำให้ภาพดูหม่นๆและไม่น่าสนใจ...”

ช่างภาพอิสระอมยิ้มและตอบกลับไปว่า “ช่ายยครับ..กล้องของผมอาจเปลี่ยนเลนส์ ตั้งค่าวัดแสง หรือหามุมกล้องในการถ่ายครั้งใหม่ได้......แต่อารมณ์ ณ ช่วงเวลานั้นมันเปลี่ยนไม่ได้ หาใหม่ก็ไม่ได้......แววตาของคุณมันซ่อนความเศร้า มันสร้างบรรยากาศบางอย่าง เปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง แม้ว่าตอนนี้คุณจะดูเข็มแข็ง เสียงคุณหนักแน่นก็ตาม”..................ในใจของเขาคิดเบาๆว่า “ภาพไม่ได้หม่นหมอง แต่ตัวเธอต่างหากละ”

..................กล้องเก่าอาจเปลี่ยนเลนส์ใหม่ได้ เธอก็เช่นกัน ทำไมไม่เปลี่ยนวิธีมองโลกรอบๆตัวเธอเสียที


เธอเองก็คิดในใจเช่นกัน..................”ความรักไม่อาจปรับเปลี่ยนมุมมองได้ง่ายๆเหมือนกล้องซะหน่อย”